การแยกก๊าซธรรมชาติ
การแยกก๊าซธรรมชาติคืออะไร
การแยกก๊าซธรรมชาติ คือ การแยกสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งปะปนกันหลายชนิดตามธรรมชาติออกจากก๊าซธรรมชาติมาเป็นก๊าซชนิดต่างๆ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามคุณค่าของก๊าซนั้นๆ
โรงแยกก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย
" โรงแยกก๊าซธรรมชาติ" ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทย นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ก๊าซธรรมชาติ และเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรก๊าซธรรมชาติให้ได้คุณค่าสูงสุด อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆอีกมากมาย
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท. ในครั้งนั้น จึงได้ก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 1 ขึ้น ที่ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เมื่อปี พ.ศ. 2525 การก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2528 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
ต่อมา โรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 2 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 3 ได้ถูกก่อสร้างเพิ่มเติมในบริเวณเดียวกับหน่วยที่ 1 เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2534 และ พ.ศ. 2540 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซอีเทน ก๊าซโพรเพน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซหุงต้ม (Liquefied Petroleum Gas : LPG) และก๊าซโซลีนธรรมชาติ ที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น และให้การสนับสนุนธุรกิจต่อเนื่อง โดยใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ นอกจากทำให้สามารถประหยัดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ลดปริมาณการขาดดุลการค้าเสริมสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ยังสามารถเสริมสร้างเสถียรภาพทางด้านพลังงานให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง
โรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 4 ก่อสร้างขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการพลังงาน เช่น ก๊าซหุงต้ม (LPG) ของประเทศ และก๊าซโซลีนธรรมชาติ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคใต้ของประเทศได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 โดยนำก๊าซธรรมชาติจากแหล่งบงกช ส่งผ่านท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 นิ้ว ยาว 170 กิโลเมตร เข้าไปที่แท่นกลางเอราวัณ และส่งผ่านท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 24 นิ้ว ยาว 160 กิโลเมตร ไปขึ้นฝั่งที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช การก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 4 ส่งผลให้ ปตท.สามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ทางเรือไปยังคลังก๊าซที่สุราษฎร์ธานีและสงขลาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น และเพิ่มความสะดวกต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม จากสภาวการณ์พลังงานที่มีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติของประเทศได้เพิ่มสูงขึ้นด้วย ขณะที่ความต้องการวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2542 คณะกรรมการ ปตท. ได้มีมติเห็นชอบให้ก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซ อีเทนและก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือก๊าซหุงต้ม สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบป้อนการขยายกำลังการผลิตในโรงงานของบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) (TOC)
และต่อมาคณะกรรมการ ปตท. ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2544 อนุมัติในหลักการให้ ปตท. ให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนของบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) (TOC) ขนาดกำลังผลิต 300,000 ตันต่อปี โดยใช้ก๊าซอีเทนเป็นวัตถุดิบ เพื่อลดต้นทุนการผลิต โครงการนี้เป็นโครงการแรกที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างและได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นเวลา 8 ปี
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติ
เพราะในตัวเนื้อก๊าซธรรมชาติ มีสารประกอบที่เป็นประโยชน์อยู่มากมาย เมื่อนำมาผ่านกระบวนการแยกที่โรงแยกก๊าซแล้ว ก็จะได้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาใช้ประโยชน์ได้ดังนี้
มีเทน
|
ประโยชน์
|
- ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า และให้ความร้อนในโรงงานอุตสาหกรรม
- ใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานพาหนะ
- ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยเคมี
|
การขนส่ง
|
- ผ่านระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าในเขตจังหวัดระยอง ชลบุรี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา กรุงเทพ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี
|
อีเทน
|
ประโยชน์
|
- ใช้ผลิตเอทีลีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำหรับเม็ดพลาสติกโพลีเอทีลีน (PE) เพื่อใช้ผลิตถุงพลาสติก หลอดยาสีฟัน ขวดพลาสติกใส่แชมพู และเส้นใยพลาสติกชนิดต่างๆ
|
การขนส่ง
|
- ผ่านระบบท่อส่งผลิตภัณฑ์ไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เช่น บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ และบริษัท ไทยโอเลฟินส์
|
โพรเพน
|
ประโยชน์
|
- ใช้ผลิตโพรพิลีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อใช้ในการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน (PP) เช่น ยางในห้องเครื่องรถยนต์ หม้อแบตเตอรี่ กาว สารเพิ่มคุณภาพน้ำมันเครื่อง
- ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
|
การขนส่ง
|
- สามารถจัดส่งได้ทางรถบรรทุกสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรม และระบบท่อส่งผลิตภัณฑ์ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
|
บิวเทน
|
ประโยชน์
|
- ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
- นำมาผสมกับโพรเพนเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซหุงต้ม)
|
การขนส่ง
|
-
|
ก๊าซปิโตรเลียมเหลว
|
ประโยชน์
|
- เป็นเชื้อเพลิงหรือก๊าซหุงต้มในครัวเรือน และเชื้อเพลิงในรถยนต์
- เป็นเชื้อเพลิงให้ความร้อนในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
- ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเช่นเดียวกับก๊าซอีเทนและก๊าซโพรเพน
|
การขนส่ง
|
1. โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง
- ขนส่งผ่านระบบท่อผลิตภัณฑ์ เพื่อจ่ายให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และระบบท่อ ไปที่คลังก๊าซเขาบ่อยาและคลังก๊าซบ้านโรงโป๊ะเพื่อจ่ายให้ลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ
2. โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม
- ขนส่งทางเรือไปที่คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานีและคลังปิโตรเลียมสงขลาเพื่อจำหน่ายในภาคใต้
|
ก๊าซโซลีนธรรมชาติ
|
ประโยชน์
|
- ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมตัวทำละลาย
- ใช้ผสมเป็นน้ำมันเบนซินสำเร็จรูป
- ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
|
การขนส่ง
|
1. โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง
- จัดส่งผ่านท่อผลิตภัณฑ์ขนาด 4 นิ้ว สำหรับลูกค้าที่อยู่ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
- จัดส่งไปยังคลังก๊าซเขาบ่อยาด้วยท่อขนส่งขนาด 4 นิ้ว เพื่อการส่งออก
- จ่ายทางรถบรรทุกที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ระยอง
2. โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม
|
|
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา และก๊าซหุงต้ม
ข้อเปรียบเทียบ
|
ก๊าซธรรมชาติ
|
น้ำมันเตา
|
ก๊าซหุงต้ม
|
1. ความปลอดภัย
|
เบากว่าอากาศเมื่อรั่วไหล จะลอยขึ้นสู่ที่สูง กระจายไปในอากาศ
|
ปลอดภัยน้อย เมื่อรั่วไหลจะนองอยู่บนพื้น
|
ปลอดภัยน้อย เนื่องจากหนักกว่าอากาศ เมื่อรั่วจะสะสมอยู่ระดับพื้น
|
2. ความพร้อม ในการนำมาใช้งาน
|
สถานะเป็นก๊าซนำไปใช้ได้เลย
|
สถานะเป็นของเหลว ต้องอยู่ในสภาพที่เหมาะสมในการผสมกับอากาศ ก่อนการเผาไหม้
|
สถานะเป็นของเหลว ต้องทำให้เป็นก๊าซ
ก่อนนำไปใช้งาน
|
3. ประสิทธิภาพของการเผาไหม้
|
เผาไหม้ได้สมบูรณ์ สถานะเป็นก๊าซสามารถผสมกับอากาศได้ดีกว่า
|
เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ทำให้น้ำมันเป็นฝอยได้ยากผสมกับอากาศได้ไม่ดี
|
เผาไหม้ได้สมบูรณ์กว่า น้ำมันเตา สามารถผสมกับอากาศได้ดีกว่า
|
4. ผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมจากการเผาไหม้
|
เผาไหม้ได้สมบูรณ์กว่า
สะอาด ปราศจากเขม่า
ไม่เกิดมลภาวะ
|
เผาไหม้ได้สมบูรณ์น้อยกว่า มีเขม่าติดและไอเสียมาก
|
เผาไหม้ได้สมบูรณ์
ปราศจากเขม่า
|
6. คุณลักษณะทางเคมี
|
มีกำมะถันน้อยมาก
และไม่มีวานาเดียม
ทำให้เกิดการกัดกร่อน
อุปกรณ์น้อยกว่า
|
เกิดการกัดกร่อนของอุปกรณ์ที่เกิดจาก Low-TemperatureCorrosion ของ Sulfur และ
High Temperature Corrosion
|
มีกำมะถันน้อยกว่าน้ำมันเตา ทำให้เกิดการกัดกร่อน
ของอุปกรณ์น้อย
|
7. ค่าใช้จ่ายอื่น - ขนส่งโดยระบบท่อเข้าสู่โรงงาน
|
ไม่ต้องมีถัง เก็บเชื้อเพลิง
ไม่ต้องมี การสำรองเชื้อเพลิง
ไม่ต้องเสียเนื้อที่ สำหรับถังเก็บเชื้อเพลิง
|
ต้องมีถังเก็บ เพื่อสำรองน้ำมัน
ต้องมีการสั่งซื้อ เชื้อเพลิงล่วงหน้า
ต้องเสียเนื้อที่สำหรับ สร้างถังเก็บเชื้อเพลิง
|
ต้องมีถังเก็บเพื่อสำรอง
ก๊าซปิโตรเลียมเหลว
ต้องเสียเนื้อที่ในการสร้าง
ถังเก็บและบริเวณโดยรอบ
ต้องสั่งซื้อเชื้อเพลิงล่วงหน้า
|
|